[ONE SHOT] Under The Mistletoe {Seulgi X Irene}
หากคู่รักคู่ใดได้มาอยู่ใต้ช่อมิสเซิลโทนี้ล่ะก็ จะถูกกำหนดให้มาจูบกันและจะถือเป็นสัญญาแห่งรักตราบนานเท่านาน
ผู้เข้าชมรวม
2,764
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
[ Under The Mistletoe ]
Mistletoe (มิสเซิลโท) เป็นวัชพืชชนิดหนึ่งของประเทศแถบตะวันตก และยังเป็นดอกไม้ประจำรัฐโอคลาโฮม่า ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย มักนำมาตกแต่งเป็นสัญลักษณ์ในวันคริสต์มาส มักใช้ประดับตามประตู หรือทำเป็นช่อใหญ่ๆ แขวนติดตามฝาพนังหรือกำแพงในวันคริสต์มาส บางความเชื่อกล่าวว่าประดับไว้ได้ทั้งปีเพื่อป้องกันไฟไหม้หรือฟ้าผ่าได้และจะทำการเปลี่ยนช่อใหม่ในวันคริสต์มาสอีฟของปีหน้า และอีกความเชื่อหนึ่งของชาวคริสตศาสนิกชนก็คือ หากคู่รักคู่ใดได้มาอยู่ใต้ช่อมิสเซิลโทนี้ล่ะก็ จะถูกกำหนดให้มาจูบกันและจะถือเป็นสัญญาแห่งรักตราบนานเท่านาน
อ้างอิง - http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=2&t=12999เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เพราะอากาศที่หนาวขั้นติดลบ หรือความอ้างว้างเดียวดายในวันแบบนี้ที่ทำให้ ไอรีนเบ ต้องมายืนสวยสะท้านลมที่นี่ ไม่มีใครรู้ดีเท่าเจ้าตัวหรอก
คริสต์มาส มีหลายคนบอกว่ามันคือเทศกาลแห่งความสุข แล้วมันก็เป็นอย่างที่พวกเขาบอกจริงๆด้วยสิ แต่ยังไงพวกคนที่เซ็งๆในวันคริสต์มาส…มันก็ยังมีใช่มั้ยล่ะ ถ้าหากจะให้ยกตัวอย่าง… ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลเลย
ไอรีน คนนี้ยังไงล่ะ
หล่อนเป็นพวกพูดน้อย ใบหน้าหวานนั่นก็ติดจะบึ้งตึงไปหน่อยสำหรับผู้พบเห็นในคราแรก ก็แค่ผู้หญิงที่ไม่ค่อยยิ้มให้คนแปลกหน้า ดันถูกตีความไปว่าเป็นบุคคลประเภท “หยิ่ง” ซะอย่างนั้น แต่ถ้าถามว่าคนที่มาให้คำจำกัดความเหล่านั้นรู้จักหล่อนเป็นการส่วนตัวสักนิดไหม… ก็ไม่
แต่คนที่ยังมองเห็นความสดใสภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั่นก็ย่อมมี เวนดี้ซน เพื่อนสาวของหล่อนที่เพิ่งเจอกันเมื่อต้นปีเพราะเรียนที่เดียวกันแถมยังคณะเดียวกัน หากแต่สนิทกันเร็วมากจนไอรีนต้องยกให้เพื่อนคนนี้สนิทอันดับหนึ่ง เรียกได้ว่าสนิทกันมากกว่าเพื่อนที่คบมาสมัยอนุบาลเสียอีก
แล้วในวันนี้ ตามประสาสาวโสดอยู่ห่างไกลครอบครัว บ้านของเวนดี้อยู่ที่แคนาดา… ส่วนหล่อน… อิมพอร์ตตรงมาจากอเมริกา… แต่ก็เมื่อสี่ปีที่แล้วน่ะ ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าความเกาหลีได้ซึมแทรกเข้าไปในตัวไอรีนมากพอโดยไม่ต้องปรับตัวอะไรอีกแล้ว
คุณซนคงไม่ผิดนัด… ใบหน้าสวยก้มลงมองนาฬิกาทีข้อมือของตนก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา เวนดี้ปล่อยให้รอมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทางที่ดีหล่อนควรรีบติดต่อเขา อย่างน้อยๆก็เพื่อความสบายใจว่าเพื่อนสนิทนัมเบอร์วันยังมีชีวิตอยู่บนโลก หายใจคล่องดีไม่ติดขัด อวัยวะทั้งสามสิบสองประการยังอยู่ครบไม่ขาดหาย
แต่แล้วพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเจ้าตัวถึงกับชะงัก เมื่อเพื่อนรักส่งข้อความมาบอกตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วว่านัดวันนี้ขอเลื่อนไป ทั้งยังขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจเร่งด่วนจากที่บ้าน – เอ้อ ทีนี้นัดของเราก็เลยกลายเป็นหมัน
ไอรีนไม่โกรธอะไรมากมายถึงขนาดต้องเบะปาก แต่โมโหตัวเองมากกว่ากับการเป็นคนไม่ติดโทรศัพท์ ตอนข้อความเข้ามาหล่อนก็รู้อยู่เต็มอก แต่เลือกจะไม่กดอ่านเพราะคิดว่าคงเป็นพวกโฆษณาซ้ำซาก แล้วนี่จู่ๆเวนดี้นึกสนุกอะไรขึ้นมาถึงได้ส่งข้อความมาหาแทนที่จะโทรบอกกันตรงๆไปเสียเลย
เอาเถอะ…ถือซะว่าหนึ่งชั่วโมงที่เสียไปเป็นการชื่นชมทิวทัศน์น่ารำคาญในวันคริสต์มาส ทำไมถึงน่ารำคาญ? แหงล่ะ กับจำนวนผู้คนที่นับแล้วน่าจะเกินร้อยไปเบียดๆอัดๆกันเนี่ย ไม่น่ารำคาญตรงไหน
มือเล็กซุกลงที่กระเป๋าเสื้อโค้ทของตัวเองก่อนจะพบว่าตอนนี้หล่อนเองก็เริ่มโดนเบียดเหมือนกัน ไม่พอ เสียงเอะอะโวยวายที่ลอยมาผ่านอากาศยังทำให้อารมณ์เสียหนักเข้าไปอีก
“เฮ้ย! ก็บอกว่าไม่ไง! อย่าฉันดันสิ!”
“อะไรกัน ก็แค่เดินไปตรงนั้น ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
“ไม่! มันใกล้เกินไป!! โอ๊ะ…” และแล้วหล่อนก็ถูกชนจนเซจนได้ ไอรีนขมวดคิ้วเซ็งๆก่อนจะหันไปมองต้นเหตุที่ทำให้หล่อนเกือบจะล้ม เด็กมัธยมปลายที่มีป้ายชื่อติดไว้ว่า คังซึลกิ เธอตัวสูงกว่าหล่อนประมาณห้าเซนฯ ดวงตาเรียวเล็กแต่ก็คมแบบไม่ต้องกรีดอายฯ เอ้อ แล้วก็อีกอย่าง ใบหูกางๆนั่น เด็กคนนี้มีเอกลักษณ์ชะมัด
“ข…ขอโทษค่ะ”
เด็กตัวสูงกล่าวคำขอโทษเบาหวิว แต่มันก็ดังพอจะให้หล่อนได้ยิน ไอรีนพยักหน้าตอบกลับแบบส่งๆเพราะเริ่มจะทำตัวไม่ถูก… ให้ตายสิ ใครเป็นคนสั่งให้หล่อนเกิดมาเป็นคนขี้อายกันนะ
“เฮ้! นั่น! คู่รักใต้ต้นมิสเซิลโทล่ะ!”
เอาอีกแล้ว เสียงดังสนั่นโสตที่ไอรีนเกลียด หล่อนถอนหายใจอีกรอบพลางกรอกตาไปมองทางเจ้าของเสียง ก่อนจะพบว่าผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนตะโกนโหวกเหวกอยู่นั่นไม่ใช่ใครอื่นไกล
เวนดี้ซน…
เวนดี้คิดอะไรอยู่ – ไม่สิ เวนดี้ตั้งใจจะแกล้งอะไรอีก ทำไมถึงได้ตะโกนเสียงดังแล้วชี้มาทางนี้… เฮ้ไม่นะ อย่าบอกนะว่า… นัยน์ตาหวานเหลือบมองขึ้นด้านบนก่อนจะอ้าปากค้าง เพราะพืชสีเขียวที่อยู่ด้านหน้านั้นคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก…ใครก็ได้ช่วยโกหกไอรีนที… นั่นไม่ใช่ “ต้นมิสเซิลโท” ใช่มั้ย…
ตอนนี้หล่อนเริ่มรู้ตัวแล้วว่ากำลังติดกับดักจากเพื่อนสนิท เดาเอาว่ายัยนั่นไม่ยอมโทรบอกเพราะไม่ต้องการให้หล่อนรู้มากกว่า จะบอกว่าตั้งใจให้หล่อนรอเก้อ… อย่างนั้นก็ถูกนะ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆก่อนจะมองไปทางเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างเด็กหูกางที่ยืนอยู่ข้างๆ รายนั้นก็คงช็อคไปไม่แพ้กัน แต่ดูจะอาการหนักกว่าเพราะเด็กคนนั้นหน้าซีดเผือก คล้ายจะเป็นลมในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า (และนั่นต้องไม่ดีแน่ๆหากร่างสูงนั่นล้มลงมา คนตัวเล็กอย่างหล่อนคงไม่อาจหาญกล้าประคองเธอไว้ได้)
“ม…ม…ไม่ชะ…”
“จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!”
โอ…พระเจ้า สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลายได้โปรดให้เกียรติเด็กคังซึลกิที่ยืนอยู่ข้างไอรีนด้วย เธอยังพูดไม่จบประโยค แต่ทุกคนกลับตะโกนขึ้นมาราวกับเป็นเรื่องสนุก เห็นการจูบของคู่รักที่ใต้ต้นมิสเซิลโทในวันคริสต์มาสเป็นเรื่องสนุก… บางคนถึงกับพนันกันว่าจะมีเหยื่อในการจูบโชว์ชาวบ้านหรือเปล่า… โดยไม่ถามความสมัครใจของใครทั้งสิ้น!
“จูบเลยสิ!”
เวนดี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น… นั่นทำให้ไอรีนหัวเสียเป็นที่สุด หญิงสาวอยากจะลงไปกระชากคอเสื้อเพื่อนรักมาถามกันต่อหน้า แต่เหมือนนั่นจะเป็นเรื่องยากในเมื่อเขาแฝงตัวไปกับฝูงชนกลุ่มใหญ่ หล่อนถอนหายใจเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะหันไปสบตากับลูกหมีที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ
“ขอโทษนะ”
ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรเพราะพวกเราไม่ได้จูบกันจริง [ไอรีนตั้งใจไว้อย่างนั้น] หล่อนกะว่าจะแค่หันหน้าเข้าเป็นมุมกล้องแบบในละครเขาทำกัน โดยไม่คิดถึงข้อผิดพลาดที่จะตามมาแต่อย่างใด มือเล็กประคองใบหน้าของเด็กสาวเข้ามาใกล้ แต่แล้วเรื่องก็ดำเนินไปถึงจุดที่หล่อนไม่ได้คิดมาก่อน
ริมฝีปากนุ่มประกบเข้ากันอย่างจัง ก่อนที่ลิ้นเรียวเล็กจะสอดเข้ามาอย่างไม่รู้ประสา ควานไปทั่วทั้งโพรงปากแบบฉบับเด็กฝึกหัดจูบ ไร้ซึ่งชั้นเชิงใดๆที่พอจะทำให้คิดได้ว่าเธอเคยมีประสบการณ์จำพวกนี้มาก่อน ไอรีนสะดุ้งเฮือกเพราะไม่คิดจริงๆว่าเด็กนี่จะเอาจริง… แต่แล้วเพราะเหตุใดก็ไม่รู้ที่หล่อนปล่อยไปเลยตามเลย ยอมเป็นครูสอนจูบอยู่นานสองนานโดยไม่คิดจะผละออก
ชอบ?
หญิงสาวค่อยๆละริมฝีปากออก เพราะรู้ดีว่าเด็กคนนี้กำลังจะขาดหายใจในไม่ช้า ซึลกิฮุบอากาศเข้าปอดอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหูกางๆด้วย…อะไรดลใจให้ไอรีนมองว่าภาพนี้น่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุดก็ไม่อาจทราบได้ หล่อนรู้เพียงแค่ว่าภาพของเด็กหมีในตอนนี้ชวนให้ยกยิ้มขึ้นมาเสียจริง แล้วนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หล่อนยิ้มกว้างในตอนนี้… รวมไปถึงทำให้ผู้คนคิดว่าเราเป็นคู่รักกันจริงๆด้วย…
“ข…ขอโทษค่ะพี่ไอรีน”
“รู้ชื่อฉันได้ยังไง”
“เอ่อ…คือว่า…”
เห็นๆกันอยู่ว่าตอนนี้ซึลกิกำลังมองหาใครบางคน(ที่พอจะช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้)จากฝูงชนตรงนั้น… ไอรีนพอจะรู้แล้วล่ะว่าซึลกิมองหาใคร… จะเป็นใครไปได้ล่ะนอกจากเวนดี้ซนเพื่อนตัวดี
หล่อนหันไปมองเพื่อนรักก่อนจะรู้ตัวว่าโดนจ้องมานานแล้ว นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเวนดี้คงรอดูผลงานตัวเองอยู่ แต่ทว่าที่เพื่อนรักทำหน้าช็อคแบบนั้นน่ะหล่อนไม่รู้สาเหตุหรอกนะ…
รู้ดีว่าเรื่องนี้คงต้องคุยกันยาว ไอรีนจูงมือเด็กคังแหวกฝูงชน(ที่บางคนกำลังกรี้ดสลบคล้ายๆจะเป็นบ้า)มาหยุดที่หน้าคุณเพื่อนแสนดี ก่อนจะแจกรอยยิ้มยียวนแล้วเข่นถามด้วยน้ำเสียงต่ำ
“อธิบายมาเดี๋ยวนี้ค่ะคุณซน”
เพราะเรื่องของเวนดี้ที่เล่ามายาวมาก หล่อนก็เลยเลือกจำเฉพาะสิ่งที่สำคัญ เป็นต้นว่าคังซึลกิเด็กมัธยมที่ทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์ตามติดหล่อนมานานแรมปีจนเวนดี้จับได้(และยุแยงตะแคงรั่วให้จีบหล่อนแบบถึงที่สุด) แน่นอน เพื่อนรักสแกนให้หมดแล้ว โปรไฟล์เลิศหายห่วง ติดที่ว่าเด็กนั่นขี้อายมากเกินไปหน่อย อายมากจริงๆถึงขนาดส่อง sns หล่อนทุกช่องทางแต่ไม่กดติดตามเลยสักอย่าง เพราะกลัวว่าชื่อ sns หรือแม้แต่รูปโปรไฟล์ของเธอจะเด้งมาให้หล่อนเห็น – ไอรีนเลยให้คำจำกัดความไว้ว่า โคตรเด็กน้อยเลย
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกว่ามันยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกเอ็นดูลูกหมีไม่รู้ประสาตัวนี้มากขึ้น ตอนที่เวนดี้เล่านะ หน้างี้แดงยิ่งกว่าชุดคุณลุงซานต้าอีก ทั้งยังคอยแย้งมาในบางที เช่นตอนที่เพื่อนสาวเล่าว่าเด็กนี่ร้องไห้ไปเป็นอาทิตย์เพราะเห็นไอรีนคุยกับเพื่อนผู้ชายนานเกินสิบนาที (แต่หล่อนก็เชื่อเวนดี้อยู่ดี)
ส่วนสาเหตุที่เพื่อนสนิทเลือกลงมือ(เล่นงาน)จับคู่หล่อนกับซึลกิเป็นเพราะว่ายัยนี่อยากไปเดินงานวันคริสต์มาสกับแฟนเด็กเต็มแก่ เลยกะจะยัดเยียดตัวไอรีนให้ซึลกิดูแลไปซะ เพิ่งรู้เหมือนกันว่าคุณซนมีแฟน… เด็ก… ผู้หญิง… วัยใสไฮสคูลซะด้วย เค้นไปเค้นมาก็ได้ความว่าเด็กคนนั้นก็เพื่อนสนิทซึลกิอีกนั่นแหละ… เอ้อ… หล่อนเลยไม่แน่ใจว่าที่เวนดี้ทำแบบนี้เพราะอยากเอาใจแฟน หรือเป็นห่วงเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนต้องทนหงอยเหงาในวันคริสต์มาสกันแน่
เวนดี้ยังแอบกระซิบมาว่าคิดว่าซึลกิจะกระโดดหนีแล้วให้หล่อนตามไปเสียอีก แต่ผิดคาด เด็กขี้อายนั่นจู่ๆก็ไปขุดพลังความกล้ามาจากไหนถึงได้…ถึงได้…กล้าจูบหล่อนแบบนั้น จูบแรกในรอบสี่ปี… จูบเมื่อล่าสุดก็ตอนลากับแฟนหนุ่มที่สนามบิน ก่อนจะพบว่าสามอาทิตย์ให้หลังไอ้ฝรั่งหัวทองนั่นก็ไปจิ๊จ๊ะกับหญิงใหม่… ไอรีนไม่อยากจะจำนักหรอก ขอใช้คำว่าลืมไม่ลงจะดีกว่า
สมองยังคิดไม่พ้นเรื่องจูบจริงๆ… ไอรีนเริ่มตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่ามันแปลกไหมหากหล่อนจะใจเต้นกับจูบห่วยๆนั่น… มันจะผิดหรือเปล่าหากหล่อนเริ่มสนใจในตัวคังซึลกิมากกว่าในฐานะผู้หญิงหนึ่งในสิบคนที่มาชอบหล่อน …แล้วถ้าหากสิ่งเหล่านั้นไม่แปลก, ไม่ผิด หล่อนจะเรียกอาการใจง่ายแบบนี้ว่ายังไงดี…
“พี่ไอรีนคะ”
“อ…เอ้อ ว่าไง”
หลังจากเดินกันไปเงียบๆอยู่นานสองนาน เพราะเวนดี้กับจอย(แฟนเด็กของเขา)แยกตัวไปสวีทหวานทางอื่นแล้ว ไอรีนก็ถูกส่งต่อให้ซึลกิอย่างไม่ต้องสงสัย และหล่อนก็ไม่ได้ติดใจอะไรหากจะใช้เวลาในวันคริสต์มาสนี้ไปกับเด็กผู้หญิงคนนี้
“ฉันถามว่า…พี่โกรธหรือเปล่าคะ”
“เรื่องอะไรล่ะ ที่เธอมาจูบฉัน? ที่แอบตามฉันมานานเกือบปี? ที่ไม่ยอมฟอลโล่ว์อินสตราแกรม? ที่มาแอบหึงฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต?”
“ก็…ทุกเรื่องนั่นแหละค่ะ”
คังซึลกิก้มหน้างุด คล้ายๆว่าถนนสายนี้ดูจะน่าสนใจมากกว่าใบหน้าหวานของคนที่อยู่ข้างๆ เด็กสาวน่าเอ็นดูมากเสียจนไอรีนเผลอยิ้มออกมา หล่อนจุดยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบกลับไป
“เวลาพูด – ต้องมองหน้าคนฟัง”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือน้อยที่ยื่นไปประคองหน้าหมีขี้อายให้ขึ้นมาสบตา คังซึลกิต้องรู้สึกเหมือนจะระเบิดทุกสิบวิแน่ๆเพราะได้มาเดินใกล้กับคนที่แอบชอบแบบนี้ ซ้ำด้วยว่าตอนนี้หล่อนกำลังมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ… ซึลกิรู้สึกอยากจะร้องไห้…
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันขออะไรหน่อยได้มั้ยคะ…”
“ฉันไม่ใช่ซานต้า… แต่ถ้าสิ่งที่เธออยากได้มันไม่เกินความสามารถฉันก็คงให้ได้ เด็กน้อย… เพราะฉันฟังมาจากเวนดี้ว่าเธอเป็นเด็กดี ถ้าเธอได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็อย่าลืมขอบคุณเขา เข้าใจมั้ย”
“ข…เข้าใจค่ะ”
ขืนอยู่แบบนี้ต่อไปมีหวังซึลกิล้มพับไปต่อหน้าต่อตาแน่ๆ… แต่การแกล้งหมีน้อยแบบนี้มันดันสนุกมากเกินไปจนไอรีนหยุดไม่ได้ หล่อนไม่หยุดจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เป็นซึลกิเสียเองที่เขินจนต้องเบือนหน้าหนี และนั่นทำให้คนสวยหัวเราะเบาๆด้วยความพึงใจอยู่ในใจ
“จะขออะไรล่ะ”
“ขอ…ขออนุญาตหึงพี่ได้มั้ยคะ”
ไอรีนถึงกับชะงัก เป็นคำขอที่น่ารักที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้มั้ง ไม่รู้สิเกิดมาหล่อนเพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ ไม่แน่นะ… ถ้าซึลกิเข้ามาหาตั้งแต่แรก ตอนนี้เราอาจได้จูบกันใต้ต้นมิสเซิลโทเป็นครั้งที่สองแล้วก็ได้
“แค่ขออนุญาตหึง? เธอมีอะไรอยากได้มากกว่านั้นหรือเปล่า แค่อนุญาตให้หึงไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีสิทธิในตัวฉันนะ”
“…”
“มากกว่านั้นฉันก็ให้ได้…ลองขอดูสิ”
“ขอ…จูบอีกครั้งได้มั้ยคะ”
เสียงกระซิบเบาหวิวนั่นเกือบไม่ได้ยินแล้ว… แต่ก็ได้ยินอยู่ดี… หญิงสาวกระพริบตาปริบๆก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ เด็กคนนั้นน่ะ…อ่อนหัดจริงๆ
ริมฝีปากน้อยถูกประกบด้วยลิปสติกสีแดงจากคนแก่กว่า เมื่อรสหวานที่ปลายลิ้นจากช็อคโกแลตร้อนยังไม่หายไปไหน จูบรสช็อคโกแลต นี่ก็เลยถูกฝังเข้าไปอยู่ในหัวใจเต็มๆ… อบอุ่นและหวาน…ติดขมมานิดๆ แต่นั่นก็เหมาะกับพวกเราดี ร่างกายที่ร้อนรุ่มถึงแม้จะเดินตากหิมะอยู่ – ไอรีนไม่ได้รู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็จำไม่ได้… จะบอกว่ากับแฟนหนุ่มคนล่าสุดหล่อนยังไม่อะไรขนาดนี้เลย…
“ฉันคิดว่าเธอควรจะขอฉันเป็นแฟนมากกว่า… ถ้าขอแบบนั้นเราจะจูบกันกี่ครั้งก็ได้”
“คริสต์มาสของฉันแค่นี้ก็ดีพอแล้วค่ะ… ไม่อยากทำให้พี่ลำบากใจ”
“ใครบอกเธอหืม? ว่าฉันลำบากใจ คิดไปเองแท้ๆ”
“แต่คริสต์มาสมีของขวัญได้แค่อย่างเดียว…”
“ใครบอกเธอว่ามีได้อย่างเดียว ขอสิ ขอมาอีก”
“…เป็น…เป็นแฟนกันได้มั้ยคะ”
“ตกลง”
ตอบแบบไม่ทันคิด ไม่สิ ตอบแบบไม่ต้องคิด ไอรีนเต็มใจอย่างยิ่งที่จะมอบของขวัญวันคริสต์มาสให้กับเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า คังซึลกิยิ้มกว้างจนตาปิด แก้มกลมๆนั่นน่าจับมาหอมให้ช้ำไปเลยจริงๆ หล่อนโอบแขนไปรอบเอวบางของแฟนเด็กป้ายแดง ก่อนจะซบลงอย่างเนียนๆ ซึลกิที่ดูท่าจะช็อคเอาการกับเหตุการณ์วันคริสต์มาส… แต่ก็รับมือได้ในระดับหนึ่ง เด็กหมีกอดตอบแบบงงๆก่อนที่ทั้งสองจะเผลอยิ้มออกมาอีกครั้ง
“พี่ก็อย่าลืมไปขอบคุณพี่เวนดี้นะคะ”
“รู้แล้วล่ะน่า…ก็ไปพร้อมกันนี่แหละ”
- The End -
:: มันควรจะได้ลงตั้งแต่เมื่อวานค่ะ ดีเลย์จริงเชียวผ่านคริสต์มาสมาและ 5555555555555 อ่านเอาหนุกหนานคลายเครียดพอนะคะ เพราะเค้าก็งงๆอยู่ ตอนแต่งก็เบลอมว๊าก มีข้อผิดพลาดอะไรยังไงตรงไหนก็ขออภัยด้วยค่ะ lol
ผลงานอื่นๆ ของ pinkirene ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ pinkirene
ความคิดเห็น